1.7.13

>[INTERVIEW] To Mother and Her Son : KANGDAESUNG AND HIS MOM YOOEUNJUNG [1/2]



มันเป็นวันสบายๆวันหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิ ท่ามกลางแสงแดดยามเย็นอันแสนสงบ 
ฉันกำลังเล่นฟุตบอลกับลูกชายที่สวนสาธารณะ ขณะที่ฉันกำลังจะหยุดพักหลังจากเหนื่อยจนหายใจไม่ทัน 
โทรศัพท์ของฉันก็ดังขึ้น บรรณาธิการนิตยสาร True Peace โทรมา
ฉันได้รับมอบหมายให้ไปสัมภาษณ์ “คังแดซอง”
ฉันคิดในใจ





“อะไรนะ?? แดซอง สมาชิกวง Bigbang นะเหรอ”

“เขาเป็นนักร้องที่มีชื่อเสียงใช่มั้ย”

โดยปกติแล้ว การสัมภาษณ์บุคคลที่มีชื่อเสียงจะเป็นหน้าที่ของนักข่าวมืออาชีพ
แม้แต่ในหมู่นักข่าวของนิตยสาร True Peace ด้วยกันก็ตาม

ใช่ ฉันมุ่งหน้าไปที่โบสถ์ ฉันเป็นคนเดียวที่สามารถไปที่โบสถ์ทันทีเพื่อที่จะสัมภาษณ์เขา "คังแดซอง"
เขาอยู่ที่โบสถ์ ณ ตอนนี้ และ ฉันก็อยากรู้จริงๆว่าคุณแม่ของเขาเลี้ยงดูเขาอย่างไรอีกด้วย
แน่นอนว่าฉันสัมภาษณ์เขาด้วยคำถามในลักษณะที่แม่กับลูกพูดคุยกัน
ฉันหวังว่าการสัมภาษณ์ครั้งนี้จะสร้างความพึงพอใจให้กับเหล่าคุณแม่ที่โบสถ์ Pyungkang Cheil นะคะ


>>> ลูกชาย KANGDAESUNG <<<


Q : ยินดีที่ได้พบกันค่ะ แดซอง!!! ตั้งแต่ที่เดือนพฤษภาคมเป็นเดือนของครอบครัวและฉันก็ได้ยินมาว่า
คุณแม่ของคุณเป็นผู้ศรัทธาที่ดี ในวันนี้ฉันหวังว่าจะสัมภาษณ์คุณในฐานะ "ผู้ที่มีความศรัทธาในศาสนา"
มากกว่าคุณในฐานะ "นักร้อง" นะคะ สิ่งที่คุณแม่ของคุณยังคงทำให้คุณตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้?

แดซอง : แม่ของผมยังเหมือนเดิมเลยครับ แม่มักจะไปโบสถ์เสมอครับตั้งแต่ที่ผมยังเป็นเด็ก
และตอนนี้แม่ก็ยังไปอยู่ครับ บ้านของผมห่างจากโบสถ์เพียงแค่ 2 นาทีโดยการเดินนะครับ
เมื่อครอบครัวผมย้ายบ้าน สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ระยะห่างระหว่างบ้านกับโบสถ์
ผมไปโรงเรียนสอนคริสตศาสนา [Pyungkang Christian Academy : PCA]
(เขาจบการศึกษาชั้นปีที่ 2 จากที่นี่) และ ไปโรงเรียนกับเพื่อนของผมที่มาจาก PCA
ดังนั้นเพื่อนที่โรงเรียนของผม จึงเป็นเพื่อนที่โบสถ์ด้วยครับ หลังจากโรงเรียนเลิก
ผมมักจะไปที่โบสถ์กับเพื่อนๆครับ เพราะแม่ของผมก็มักจะอยู่ที่โบสถ์ด้วยผมจึงไปเล่นกับเพื่อนที่นั่นครับ
โดยธรรมชาติแล้ว ตอนเด็กๆผมคิดว่า โบสถ์ เป็นเหมือน "สนามเด็กเล่นราคาล้านดอลลาร์ "
แม้แต่บันไดของ Moriah sanctuary ก็เป็นสนามเด็กเล่นของผมด้วยครับ
ตอนนั้นที่โบสถ์มีดอกผกากรองสีแดงเยอะมากเลยครับและมีประตูฟุตบอลที่ลานจอดรถใหญ่ด้วย
ผมจึงใกล้กับโบสถ์ทั้งทางร่างกายและจิตใจ


Q : ดังนั้นคุณได้รับการเลี้ยงดูมาในสวนของโบสถ์ Pyungkang คุณรู้สึกเสียใจรึเปล่าค่ะ
ที่คุณแม่ของคุณใช้เวลาส่วนใหญ่ที่โบสถ์

แดซอง : ผมรู้สึกว่า มันเป็นธรรมชาติมากเลย เพราะผมเห็นแม่เป็นแบบนี้ตั้งแต่ผมยังเด็กมากๆ
ตอนนั้นผมก็มาเจอเพื่อนที่โบสถ์ ผมไม่อยากจะยอมรับว่ามันเป็นเรื่องที่ยากสำหรับแม่ของผม
ทั้งทางร่างกายและจิตใจแต่ดูเหมือนว่าแม่ของผมจะทำได้ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนนะครับ


Q : ทำไมคุณแม่ของคุณถึงได้อุทิศตนอย่างมากในเรื่องของความศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้า?
คุณแม่มีอิทธิพลต่อความศรัทธาในชีวิตของคุณอย่างไรคะ?

แดซอง : แม่ของผมเป็นเหมือนแม่เหล็กที่แข็งแกร่ง คอยที่จะดึงให้ผมกลับมานะครับ(สู่ศาสนา)
ผมทำงานอยู่ในวงการบันเทิง มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับผมที่จะห่างไกลจากเรื่องนี้นะครับ


Q : คุณแม่ของคุณมีวิธีที่นำคุณกลับไปอย่างไรคะ? คุณกับคุณแม่มีวิธีการพูดคุยในเรื่องนี้กันอย่างไรค่ะ ?

แดซอง : ผมถูกปล่อยให้อยู่ตามลำพัง เพราะผมถูกเลี้ยงมาในโบสถ์ ผมรู้สึกกดดันเมื่อเห็นแม่ทำงานและคอยช่วยเหลือที่โบสถ์เสมอ ผมยิ่งรู้สึกมากขึ้นเพราะตอนนี้ผมรู้ซึ้งถึงความสำคัญของการไปโบสถ์และการที่ไม่ได้ไป จริงๆแล้ว ผมค่อนข้างแย่เลยละครับในการติดต่อกับครอบครัว มันยากที่ผมจะไปกับพวกเขา
ดังนั้นแม่ของผมจึงใช้ความเงียบและพลังที่มองไม่เห็น ดึงผมกลับมา
ผมไม่ใช่ผู้ศรัทธาที่ดีอย่างที่สมาชิกที่โบสถ์เห็นกัน ความศรัทธาของผมอ่อนไหวและสั่นคลอนตลอดเวลา
ทุกครั้งที่ผมผิดพลาดหรือล้มเหลวแม่จะคอยดูแลผมเสมอ นั่นทำให้การปรากฏตัวของแม่ทุกครั้งมีความหมายครับ


Q : คุณเป็นลูกแบบไหนสำหรับคุณแม่ของคุณครับ

แดซอง : ผมคิดว่า ผมเป็นประเภทที่สร้างปัญหาตลอดเวลานะครับ
ตอนเด็กๆผมไม่ค่อยเชื่อฟังแม่นะครับและก็ไม่ได้ตั้งใจเรียนด้วย


Q : คุณแม่มีวิธีลงโทษคุณตอนเด็กๆอย่างไรคะ??

แดซอง : แม่ตีผมครับ ผมถูกตีด้วยไม้เรียว [**คนสัมภาษณ์เป็นคุณแม่น่ะค่ะ ลูกของเธอยังเด็ก(ประถม 1)
คำถามนี้เป็นคำถามที่เธออยากรู้มากที่สุดและเธอบอกว่า มันช่วยไม่ได้ที่เธอจะยิ้มเมื่อได้ยินคำตอบของแดซอง และมีคำว่า ไม้เรียว ในคำตอบของเขา เธอคิดว่า เธอจะไม่เก็บไม้เรียวไว้สำหรับลูกชายของเธอ
และจะไม่เลี้ยงเขาแบบแดซอง คือไม่ลงโทษด้วยการตีด้วยไม้เรียว]


Q : คุณรู้สึกโกรธ ไม่พอใจมั้ยค่ะที่โดนลงโทษแบบนั้น

แดซอง : ผมรู้สึกอย่างนั้นไม่ได้ครับเพราะแม่จะดุผมอย่างมากเลย
ถ้าผมทำสิ่งที่ไม่ถูกไม่ควร กระดูกของผมอาจจะเคลื่อนได้เลย
(ณ จุดนี้เราทั้งคู่ก็พากันหัวเราะ คนหนึ่งย้อนกลับไปมองอดีตที่ผ่าน
ส่วนอีกคนกำลังวางแผนในอนาคตให้กับลูกของเธอ)
ผมค่อนข้างจะมีข้อห้ามเยอะนะครับ เมื่อเทียบกับเพื่อนของผมแล้ว
การที่จะไปเล่นเกมที่ตู้เกมหรือมีคอมพิวเตอร์ในห้องนอนก็เป็นข้อห้ามเหมือนกันครับ
ตอนผมตัดสินใจที่จะไล่ตามความฝันของผม คือการเป็นนักร้อง ผมก็พบแรงต้านอย่างมากจากครอบครัวของผม ตอนนั้นผมถูกตำหนิมากและเกือบจะถูกเพิกเฉยจากครอบครัวเลยละครับ


Q : ตอนนี้ คุณเป็นลูกายที่ประสบความสำเร็จแล้ว ทำไมคุณยังคิดว่าคุณเป็นคนสร้างปัญหา
สำหรับแม่ของคุณละค่ะ

แดซอง : แม่ไม่ได้มองผมแบบนั้นหรอกครับ แม่มองผมในมุมของอารมณ์ ความรู้สึกภายใน
ไม่ได้มองในแบบที่คนภายนอกมองครับ


Q : แล้วลูกชายแบบไหนที่คุณอยากจะเป็นในอนาคต ??

แดซอง : ผมอยากเป็นลูกชายที่พ่อแม่สามารถไว้วางใจได้นะครับ
ลูกชายที่สามารถทำให้พ่อแม่ภูมิใจได้ในทุกๆด้านครับ


Q : คุณทำให้พ่อแม่ของคุณรู้สึกเป็นเกียรติอย่างไรค่ะ

แดซอง : โอ้ ถามคำถามนี้กับแม่ของผมเถอะครับ คำถามนี้ทำให้ลูกชายที่ไม่เอาไหนต้องร้องไห้นะครับ
ตั้งแต่เด็กๆแล้วที่ผมมักจะทำให้พ่อแม่ปวดหัว ไม่เหมือนพี่สาวของผม
พี่สาวของผมเป็นนักเรียนที่ดีและเป็นลูกสาวที่ยอดเยี่ยม ผมคิดว่า สิ่งที่พี่สาวผมทำทำให้พ่อแม่มีความสุข
จริงๆแล้วผมไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้หรอกครับ ผมไม่มั่นใจว่า สิ่งที่ทำให้พ่อแม่รู้สึกเป็นเกียรติคืออะไร
สำหรับผมแล้วการที่พ่อแม่รู้สึกเป็นเกียรติ คือ การที่พวกเขามีความสุขเพราะผมนะครับ


Q : คุณยังคงอาศัยอยู่ที่ต่างประเทศใช่มั้ยค่ะ ฉันไม่เห็นคุณที่คุณะประสานเสียงเลย

แดซอง : ผมอยู่ที่ญี่ปุ่นปีนี้ครับ ถ้าอยู่ที่เกาหลี ผมจะมาที่โบสถ์ในวันอาทิตย์นะครับ
ผมจะร่วมร้องประสานเสียงในช่วงที่ 2 (11โมงเช้า) และช่วงที่ 3 (บ่ายสอง)
บางครั้งผมก็จะร่วมในช่วงที่ 4 ด้วย ผมได้รับความเข้มแข้งจากการสวดภาวนาครับ
โดยผมร่วมสวดภาวนาในวันเสาร์ และ วันอาทิตย์ครับ


Q : ในฐานะแดซอง แห่งวง Big Bang ปีนี้เป็นอย่างไรบ้างค่ะ

แดซอง : ปีนี้เป็นปีแรกที่ผมปล่อยอัลบั้มเดี่ยวครับ เป็นอัลบั้มภาษาญี่ปุ่น ดังนั้นผมจึงไปทำงานที่ญี่ปุ่น
ในตอนแรกผมกังวลอย่างมาก แต่ผมก็ได้รับผลตอบรับที่ดีและมีโอกาสที่จะจัดคอนเสิร์ตด้วยครับ
เริ่มแรกคอนเสิร์ตจะมีเพียง 4 รอบ แต่ก็เพิ่มมาอีก 21 รอบครับ รวมทั้งหมดแล้วใช้เวลาประมาณ 2 เดือน
ตอนนี้สมาชิกคนอื่นๆต่างก็ทำงานเดี่ยวกัน แต่พอช่วงปลายปีพวกเราจะมารวมตัวกัน ทำอัลบั้มและก็มี World Tour ซึ่งจะกินเวลาประมาณ 1 ปีครับ ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุดเท่าที่ผมสามารถทำได้ด้วยพรสวรรค์ที่พระเจ้าทรงมอบให้กับผมครับ

Q : ดูเหมือนคุณจะยุ่งตลอดทั้งปีเลย สำหรับปีนี้ความตั้งใจอันแน่วแน่ในเรื่องของความศรัทธาต่อพระเจ้า
คืออะไรคะ แล้ว คุณมีวิธีการที่จะทำให้สำเร็จอย่างไรคะ

แดซอง : ความตั้งใจอันแน่วแน่ของผมที่ไม่เคยหายไป คือ การชักชวนให้ทุกคนเข้าหาศาสนาคริสต์ครับ โดยพยายามใช้ประโยชน์จากอาชีพของผม ให้ได้มากที่สุด **น่าจะหมายความว่า ใช้เสียงเพลงในการเผยแพร่ศาสนา เช่น การที่ไปร้องประสานเสียงที่โบสถ์ ** ผมจะลองยกตัวอย่างดีๆนะครับ การที่ผู้คนที่ไม่รู้จักผม สามารถที่จะจำผมได้ ก็ถือว่าโอเคแล้วนะครับ และก็เป้าหมายอีกอย่างของผม คือ พยายามที่จะซึมซับสิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากหนังสือ “The History of Redemption” 6 เล่มแรก และก็จะอ่านเล่มที่ 7 ให้จบด้วยครับ


Q : มันผ่านมาประมาณปีครึ่งแล้วนะคะตั้งแต่ครั้งล่าสุดที่พวกเราได้สัมภาษณ์คุณ คุณเปลี่ยนไปอย่างไรบ้างค่ะ

แดซอง : ผมได้รับความรักที่ไม่สมควรจะได้รับมากมายจากทั้งสมาชิกของโบสถ์และแฟน ๆ
นั่นทำให้ผมรู้สึกถึงหน้าที่อันยิ่งใหญ่ ตัวตนข้างในของผมไม่ได้เปลี่ยนเลย พลังรอบๆตัวผมดูเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้น มันเป็นความจริงที่ความศรัทธาของผมอ่อนลง ผมอยู่ต่างประเทศประมาณ 2 ปี เพื่อทำอัลบั้มและเตรียมคอนเสิร์ต ตอนนั้นผมรู้สึกเครียดมาก ผมอยากจะทิ้งทุกอย่างและหนีไป อย่างไรก็ตามตอนนี้ทุกอย่างออกมาดี
ผมรู้สึกขอบคุณมากๆและ ได้ทำทุกอย่างอย่างดี แม้ว่าคนอื่นๆจะบอกว่าผมดูเหนื่อย แต่ผมรู้สึกดีนะครับ
ผมชอบที่จะทำงาน และ รักที่ได้รับฟังคำพูดของพระเจ้า

Q : คุณมีคำพูดพิเศษอะไรมั้ยค่ะ ที่คุณมักจะระลึกอยู่เสมอ

แดซอง : คุณรู้มั้ยครับ คำพูดที่บาทหลวงอาวุโสมักจะเอ็ดพวกเราเสมอๆ คือ “ทำไมถึงไม่เชื่อในสิ่งที่พวกคุณอธิษฐานกัน” “ที่มันไม่เกิดขึ้นเพราะคุณไม่เชื่อนั้นแหละ” คำพูดนี้เป็นจริงเสมอครับ ผมถามตัวเองเกี่ยวกับสิ่งที่ผมอธิษฐาน และ ถามตัวเองว่าผมเชื่อมั่นแค่ไหนที่เรื่องที่ผมอธิษฐานจะเป็นจริง


Q : แล้วคำอธิษฐานวันนี้ละคะ??

แดซอง : มันเกี่ยวกับคอนเสิร์ตอีก 21รอบที่เหลือนะครับ และอีกอย่างผมได้มาที่โบสถ์อีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้มาเป็นเวลานาน ผมรู้สึกยุ่งเหยิงเล็กๆ ดังนั้นผมจึงอธิษฐานให้ความศรัทธาของผมให้แข็งแกร่งขึ้น และสามารถที่เพลิดเพลินไปกับทุกๆเรื่องของการใช้ชีวิตภายใต้คริสตจักร โดยที่ไม่รู้สึกแปลกแยก ถึงแม้ว่าผมจะขาดในหลาย ๆด้าน แต่ความสามารถที่ผมได้รับจากพระเจ้า คือ เสียงของผม ดังนั้นตอนนี้ผมจะมุ่งเน้นไปที่การทำงานผมเชื่อว่าประสบการณ์ที่ผมได้รับ สักวันหนึ่งจะช่วยให้ผมทำหน้าที่รับใช้พระผู้เป็นเจ้าผ่านทางเสียงเพลง

Thank to reporter Kang Myung-Sun for the Interview:The Mother and Her Son
cr: champyungan.com/bbs/board.php?bo_table=global1&amp;wr_id=138
Thai trans by – kaewka –