1.7.13

>[INTERVIW] To Mother and Her Son : KANGDAESUNG AND HIS MOM YOOEUNJUNG [2/2]




วันที่ฉันได้สัมภาษณ์แดซองที่ร้านอาหารของโบสถ์ คุณแม่ของแดซองแวะมาหาเขาเพื่อบอกว่าเธอจะต้องไปแล้ว ท่านมีเรียนตอนเย็นที่โรงเรียนสอนศาสนาของโบสถ์ ฉันรีบถามคำถามอย่างรวดเร็ว ว่า 
“แดซองเป็นลูกชายแบบไหนค่ะ” เธอตอบว่า
“เขาเป็นบุตรของ PyungKang และทำงานรับใช้พระผู้เป็นเจ้า”
และเธอก็หายไป เธอดูเหมือนจะยุ่งกว่าลูกชายของเธอเสียอีก





>>> คุณแม่ของคังแดซอง <<<




Q : คุณเป็นคุณแม่แบบไหนสำหรับลูกๆของคุณ ??

คุณแม่ยูอึนจอง : ฉันเลี้ยงดูลูกมาแบบเข้มงวดมากๆค่ะ คนรอบๆตัวฉันมักจะพูดว่า
“เธอต้องเป็นแม่เลี้ยงของพวกเขาแน่ๆ” หญิงชราที่เป็นเพื่อนบ้านของพวกเราเคยพูดว่า
“เธอจะยกโทษให้ลูกๆของเธอ 10 ครั้ง ถ้าพวกเขาทำผิด 10 ครั้ง”
แต่ฉันจำคำอธิษฐานจากบทสวดมนต์ที่กล่าวไว้ว่า
"เขาได้ทำการชดเชยเพื่อบาปที่ลูกๆของเขาได้ทำขึ้น เนื่องจากความไม่รู้"
ฉันกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่ลูกๆของฉันทำตอนที่พวกเขาไม่ได้อยู่ภายใต้การเฝ้าดูของฉัน
มีคนพูดว่าถ้าคุณมองไปที่เด็กๆ คุณจะสามารถรู้เกี่ยวกับพ่อแม่ของพวกเขาได้
ดังนั้นเมื่อตอนที่ลูก ๆ ของฉันยังเป็นเด็ก ถ้าพวกเขาทำอะไรผิด
ฉันจะลงโทษพวกเขาโดยให้พวกเขายืนมองที่ไปผนังพร้อมกับยกแขนของพวกเขาขึ้นเป็นเวลา 30 นาที
หลังจากการลงโทษแล้ว ฉันจะกอดพวกเขาและบอกให้พวกเขาแน่ใจว่า
ที่ฉันดุพวกเขาไม่ใช่เพราะฉันเกลียดชังพวกเขาหรอกนะ


Q : แดซองบอกว่า เขาถูกดุอย่างรุนแรง ดังนั้นเขาไม่มีทางที่จะออกนอกลู่นอกทาง เลยตอนที่เขาเป็นเด็กๆ

คุณแม่ยูอึนจอง : ฉันคิดว่าพ่อแม่จะต้องสอนลูกๆของพวกเขาจนกว่าจะเข้าโรงเรียนประถมศึกษา
ตอนที่พวกเราเป็นเด็ก พวกเราไม่กล้าที่จะเหยียบบนหมอนของพ่อแม่ใช่มั้ยค่ะ
เพราะฉันถูกสอนมาแบบนี้ ฉันเลยสอนลูกๆของฉันแบบนี้ด้วย
อย่างเวลาไปบ้านของเพื่อน ทำความเคารพพ่อแม่ของเพื่อนเสมอ ไม่เข้าไปในห้องนอนของพวกเขา
สวมรองเท้าให้เรียบร้อยเมื่อออกจากบ้าน ฉันดุเขาเลยเยอะเลยค่ะ
พอเขาผ่านเกรด 1 ไม้เรียวก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป วันหนึ่งฉันพูดกับแดซองและก็พี่สาวของเขา
และแดซองก็พูดว่า
“ไม้เรียวยังเป็นสิ่งจำเป็นมั้ยฮะ เราต้องการมันจนถึงตอนนี้เพราะเราไม่เข้าใจหัวใจของแม่
แต่ผมคิดว่าเราไม่จำเป็นต้องใช้มันแล้ว ”
ตั้งแต่นั้นมาไม้เรียวก็ถูกเก็บไว้ในที่ๆพวกเราสามารถมองเห็นได้ แต่ไม่เคยใช้มัน


Q : ตอนเด็กๆแดซองเป็นลูกชายแบบไหนค่ะ ??

คุณแม่ยูอึนจอง : เขาเป็นเด็กที่เชื่อฟังมากๆเลยค่ะ ฉันไม่เคยได้ยิน เขาพูดว่า
“ผมไม่อยากทำ” หรือ “ผมทำไม่ได้” เขาเชื่ออย่างจริงจังว่า ผู้หญิงเป็นเพศที่ควรปกป้อง
และเป็นคนที่มีน้ำใจต่อผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่เขาโตเป็นหนุ่มเมื่อใดก็ตามที่เราไปร้านขายของชำ
เขายืนกรานที่จะถือของเอง เขาคิดว่าผู้หญิงต้องได้รับการปกป้อง
ชีวิตในโรงเรียนของเขาเหรอค่ะ ? พี่สาวของแดซองเป็นคนที่สมบูรณ์แบบและเธอจะร้องไห้
ถ้าเธอทำข้อสอบไม่ได้ แต่สำหรับแดซองเขาไม่เคยทบทวนบทเรียนที่บ้านเลยค่ะ
เขามักจะพูดเสมอว่า “แม่ครับ,ทำไมผมต้องทบทวนบทเรียนอีก ในเมื่อผมเรียนแล้วที่โรงเรียน”
แต่เขาก็ยังทำคะแนนได้ดีนะค่ะ ตอนที่เขาเรียนอยู่เกรด 3 คุณครูแนะนำให้เขาเป็น นักแสดงตลก ค่ะ
สำหรับฉันแล้ว ฉันคิดว่า เขาค่อนข้างเป็นคนที่สนใจแต่เรื่องของตัวเอง
แต่ที่โรงเรียนเขามีเพื่อนเยอะเลยค่ะ และมักจะแสดงความสามารถ และมุกต่างๆ
พอวันเสาร์แดซองและเพื่อนๆรวมลูกพี่ลูกน้องเขา 5 คน จะมารวมกันที่บ้านของเราค่ะเพื่อที่จะไปโบสถ์ใน
วันอาทิตย์ ทุกๆคืนวันเสาร์ พวกเขาจะหัวเราะกันอย่างสนุกสนานและบอกว่าแดซองเป็นคนที่ตลกมากเลย
พอมองย้อนกลับไป ฉันอาจจะเข้มงวดกับเขามากเกินไป ตอนนี้พวกเราคุยกันเยอะมากค่ะ แม้แต่ตอนที่คนใดคนหนึ่งอยู่ในห้องน้ำ พวกเราก็จะเปิดประตูและคุยกันต่อไป


Q : ตอนนี้แดซองเป็นคนดังแล้ว คุณรู้แล้วใช่มั้ยค่ะ

คุณแม่ยูอึนจอง : แน่นอนว่าเขาเป็นผลงานของพระเจ้า ก่อนที่เขาจะเกิดมา บาทหลวงอาวุโสคนหนึ่ง
ได้ให้ชื่อเขามา ฉันอธิษฐานตอนย่ำรุ่งทุกๆวัน เพื่อให้เขาเป็นเด็กที่จะรับใช้พระเจ้า
ฉันไม่เคยบอกว่าเขาเป็นลูกของฉัน ฉันอธิษฐานอย่างลับๆในทุกเช้าว่า
“พระผู้เป็นเจ้า ฉันยกลูกของฉันให้กับพระองค์ โปรดดูแลพวกเขาด้วยนะค่ะ และ
โปรดใช้งานพวกเขาตามที่พระองค์ต้องการ ”
แดซองเริ่มเรียนร้องเพลง ตอนที่เราเรียนเกรด 9 หรือ เกรด 10 นี่แหละค่ะ วันหนึ่งเขาส่งข้อความหาฉันว่า
“ผมได้รางวัลที่ 1 งานประกวดที่โรงเรียน”
“แม่ครับ,ผมมีออดิชั่นที่ YG โปรดอธิษฐานให้ผมด้วยนะครับ”
ฉันตอบเขากลับไปว่า
“ถ้าลูกไม่ทิ้งมันกลางคัน แม่ก็จะอธิษฐานให้ลูก ขอให้ได้ตามที่ลูกหวัง”
ความเข้มแข็งของเขานั้น เริ่มตั้งแต่ที่เขากำหนดเป้าหมายแล้วค่ะ เขาก็ทำไปต่อไปจนกว่าจะบรรลุผล
เขาเป็นคนประเภทที่ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆน่ะค่ะ

ฉันถามพี่สาวของเขาว่า “YG เป็นบริษัทแบบไหนเหรอ” พี่สาวเค้าบอกว่า “YG เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงมาก"
พวกเขาคัดเลือกนักร้องที่ความสามารถ แดซองไม่เคยเรียนร้องเพลงอย่างมืออาชีพเลย
อย่างไรก็ตาม ตอนที่ฉันบอกกับบาทหลวงอาวุโสท่านนั้นว่า แดซองอยากจะเป็นนักร้อง
บาทหลวงท่านก็บอกว่า งั้นก็ให้เขาเป็นนักร้องที่ดีที่สุดของโลก
วันที่พี่สาวของแดซองเข้าร่วมกองทัพ (ตอนนี้พี่สาวของแดซองรับใช้ชาติในกองทัพอยู่นะค่ะ)
ฉันร้องไห้อยู่ที่สถานี Young-deung-po ไม่ใช่ว่าฉันเสียใจที่เธอจะไป
แต่เป็นเพราะฉันซาบซึ้งที่พระผู้เป็นเจ้าทรงตอบรับคำอธิษฐานของฉัน



Q : คุณสอนลูกๆของคุณอย่างไรค่ะเกี่ยวกับการใช้เงินและของถวายสำหรับศาสนา

คุณแม่ยูอึนจอง : หลังจากอธิษฐาน ฉันบอกกับลูกๆเกี่ยวกับสิ่งที่จะต้องนำไปที่โบสถ์
พวกเขาเห็นด้วยกับฉันและบอกว่าพวกเขาจะถวายของแก่โบสถ์ ฉันรู้สึกตื่นเต้นที่จะกลายเป็นหนึ่งเดียวกับลูก ๆ ของฉันในเรื่องความศรัทธา ขอบคุณพระเจ้าที่พวกเขาเป็นลูกของฉัน แต่พวกเขาก็มีความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพระผู้เป็นเจ้าด้วย ฉันมั่นใจว่าพวกเขายังคงให้ของถวายอื่นที่ฉันไม่รู้อีกด้วยค่ะ

ฉันไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับวิธีจัดการกับเงินของพวกเขา ปกติแล้วแดซองเป็นคนที่ประหยัด
และไม่ได้ใช้จ่ายอะไรมากมาย เมื่อลูก ๆ ของฉันยังเป็นเด็ก พวกเราค่อนข้างจะยากจน
ความยากลำบากดังกล่าวเป็นเหมือนการให้พรแก่พวกเรานะค่ะ (ให้พวกเราสู้ต่อความยากลำบากนั้น)
เหตุผลเดียวที่ฉันจะซื้อรองเท้าคู่ใหม่ให้พวกเขาคือพวกเขาใส่คู่เก่าไม่ได้แล้ว
ตอนนี้ฉันก็ยังไม่ไปซื้อเสื้อผ้าที่ห้างสรรพสินค้า พวกเราเคารพในพื้นที่ส่วนตัวของแต่ละคน

ตอนที่ Bigabang มีทัวร์ตอนเสิร์ต คุณแม่บางคนก็จะไปพร้อมกับสมาชิก Bigbang ด้วย
แต่ฉันกลับพูดว่า "ไม่" ต่อคำขอร้องของลูกชายของฉัน ฉันบอกกับเขาว่า เพราะฉันมีหน้าที่ที่สำคัญที่โบสถ์ และไม่สามารถที่จะพลาดที่จะให้บริการที่โบสถ์ในวันอาทิตย์ได้ ดังนั้นฉันจึงไม่สามารถไปกับเขาได้
แม้ว่าฉันจะรู้สึกไม่ดี แต่ฉันก็คิดภาพตัวเองเดินทางไปทั่วโลกตลอดเวลาไม่ออกเหมือนกันค่ะ


Q : หน้าที่ที่สำคัญที่คุณทำที่โบสถ์คืออะไรค่ะ (พวกเราต่างก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา)
ตารางงานของคุณเป็นอย่างไรค่ะ

คุณแม่ยูอึนจอง : การทำงานที่ร้านอาหาร Martha เป็นหน้าที่ที่สำคัญ
ฉันไม่ได้ทำอะไรมากมายที่โบสถ์หรอกค่ะ
ฉันเข้าร่วมการเรียนคัมภีร์ไบเบิลในวันจันทร์
มีเรียนศาสนาในตอนเย็น
ให้ความช่วยเหลือที่โบสถ์ในวันพุธและวันพฤหัสบดี
เตรียมพวกวัตถุดิบ ส่วนผสมต่างๆในวันพฤหัสบดี
เตรียมอาหารสำหรับงานแต่งงานในวันเสาร์
และทำงานที่ร้านอาหาร Martha ในวันอาทิตย์
ฉันไปที่โบสถ์ทุกวันเลยค่ะ ฉันกลับบ้านมาเพื่อนอนเท่านั้นแหละค่ะ
แต่ฉันก็ทำความสะอาดบ้านก่อนที่จะไปโบสถ์นะค่ะ เพราะฉันไม่สามารถ
ที่จะใช้ข้ออ้างที่ฉันมาที่โบสถ์เพื่อไม่ทำงานบ้านหรอกค่ะ

ฉันไปที่ที่พักของแดซองสัปดาห์ละครั้งค่ะ เพื่อทำดูแลพวกเสื้อผ้าและทำอาหารให้เขา
และเมื่อฉันเห็นเขานอนอ่าน the History of Redemption อยู่บนเตียง มันก็ช่วยไม่ได้ที่ฉันจะยิ้มค่ะ



Q : คุณรู้สึกอย่างไรค่ะที่เห็นลูกชายของคุณโตขึ้นอย่างสมบูรณ์

คุณแม่ยูอึนจอง : ฉันภูมิใจในตัวของเขามากที่โตมาพร้อมกับความศรัทธา
ฉันรู้สึกขอบคุณที่เขาได้กลายเป็นเพื่อนกับฉันเรื่องของความศรัทธา นอกจากนี้ฉันมักจะรู้สึกเสียใจกับเขา
ความปรารถนาของฉัน คือ การที่ลูก ๆ ของฉันสามารถถ่ายทอดความศรัทธาเหล่านี้ไปยังลูกๆของพวกเขาด้วย งานของฉันถึงจะสิ้นสุดลง ฉันบอกพวกเขาเสมอว่า ฉันอธิษฐานสำหรับการแต่งงานของพวกเขา
ฉันหวังว่าการแต่งงานของพวกเขานั้นมีรากฐานมาจากการอธิษฐานของฉัน
ถ้าพวกเขาไม่ได้แต่งงานเพราะความศรัทธา ฉันจะลบชื่อของพวกเขาจากการสืบวงศ์ตระกูลของพวกเราค่ะ
** หัวเราะ**



หลังจากที่ได้พูดคุยกับคุณแม่ของแดซอง ทำให้ฉันเข้าใจในตัวของแดซองมากขึ้น ความประทับใจแรกที่ฉันมีต่อคุณแม่ของแดซองคือ ท่านค่อนช้างจะสดใส ฉันได้ยินมาเพียงว่า ท่านเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำงานเงียบๆที่โบสถ์ แต่ท่านสวยกว่าที่ฉันคิด ในช่วงท้ายของการสัมภาษณ์ มันช่วยไม่ได้ที่ฉันสังเกตเห็นมือทั้งสองข้างของท่าน ตลอดการพูดคุยของพวกเราท่านพูดอย่างถ่อมตัวว่า ท่านไม่ได้ทำงานในครัวทั้งหมด ไม่ได้ทำอะไรมากมาย แค่ช่วยเท่านั้น แต่มือซ้ายของท่านบวมขึ้นมือเลย
ฉันจำได้ว่ามีคนหนึ่งบอกฉันว่า ช่วงนี้ท่านไม่สามารถทำงานในครัวได้เลย เพราะเท้าของท่านเจ็บ
ท่านเจ็บระหว่างนิ้วเท้าจากการที่ท่านสวมรองเท้าบูทยางทำงานตลอดเวลา
ดังนั้นท่านจะต้องพันผ้าระหว่างนิ้วเท้าของท่าน มือของท่านที่บวมเป็นเพราะท่านต้องสวมถุงมือไวนิลตลอดเวลาขณะที่ท่านทำงาน

นี่คือความศรัทธาที่ยิ่งใหญ่ที่คุณแม่ของแดซองมี
ใครจะคิดว่าท่านเป็นคุณแม่ของแดซอง สมาชิกวง Bigbang ที่โด่งดัง
ฉันวาดภาพลูกชายที่ซึมซาบศรัทธาของคุณแม่ของเขาแล้ว พบว่า
พวกเขาเหมือนกันเลยค่ะ

Thank to reporter Kang Myung-Sun for the Interview The Mother and Her Son
cr: champyungan.com/bbs/board.php?bo_table=global1&amp;wr_id=138
Thai trans by – kaewka –